Visit Macau & Hong Kong

Visit Macau & Hong Kong
บล็อกรีวิวนำเที่ยวมาเก๊า และ ฮ่องกง การเดินทางระหว่างมาเก๊าและฮ่องกง

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ชมวัดอาม่า เซนาโดสแควร์

รุ่งเช้าพวกเราก็รีบตื่นมาทานอาหารเช้าที่ล็อบบี้ของโรงแรม Golden Crown China Hotel มีอาหารให้กินหลายอย่างมากครับเป็นบุฟเฟต์ แล้วก็รีบลงไปชั้นล่างเพื่อเดินเข้าชั้นสองของสนามบินแล้วก็ลงบันไดเลื่อนไปชั้นล่างเพื่อจะขึ้นรถฟรีเวเนเชี่ยน แต่ปรากฏว่ารถของเดอะเเวเนเชี่ยนยังไม่บริการเพราะเป็นเวลาเช้ามาก เราเลยต้องใช้วิธีการนั่งแท็กซี่ แต่ไม่มีแท็กซี่ผ่านมาเลยตอนนั้น นั่งไปสักพักมีแท็กซี่ผ่านมาคันหนึ่ง พวกเรารีบโบกมือ บอกไปวัดอาม่าครับ
นั่งแท็กซี่ข้ามสะพานไปฝั่งมาเก๊า ค่ารถแท็กซี่รู้สึกจะ 60 MOP แต่เราก็จ่ายเป็นเงินฮ่องกงได้ครับ 60 HK$ ถึงหน้าวัดอาม่าก็ลงครับ มีตู้ไปรษณีย์ใบใหญ่อยู่ด้านหน้าวัดด้วยครับ อดใจไม่ไหวขอถ่ายอีก 1 รูปครับ

รูปนี้เป็นซุมประตูทางเข้าวัดอาม่าครับ คนเยอะแยะเลย ขนาดว่ามาตอนเช้ามากๆแล้วนะ มีแต่กรุ๊ปทัวร์มาลงทั้งนั้น
รูปนี้เป็นรูปปั้นสิงโตที่ด้านหน้าประตูเข้าวัดอาม่าครับ

วัดอาม่ามีตำนานที่มาคือ มีหยฺงสาวชาวฝูเจี้ยนนามว่า หลิงม่า ได้โดยสารมากับเรือลำเล็กๆของชาวประมงคนหนึ่งเพื่อข้ามฝั่งมายังคาบสมุทร ส่วนที่เป็นมาเก๊าในปัจจุบัน ในระหว่างที่เรือล่องอยู่ในทะเล ก็ได้เกิดพายุกระหน่ำรุนแรง เรือหลายลำได้อัปปางลง แต่เรือที่หลิงม่าอาศัยมากลับเดินทางถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย ทันที่ที่นางก้าวขึ้นฝั่งก็เกิดปาฏิหาริย์โดยร่างของนางได้ลอยขึ้นฟ้าแล้ว หายลับตาไป สร้างความตกตะลึงให้กับชายชาวประมงที่มาส่ง เรื่องราวได้ถูกกล่าวขานออกไป จนชาวประมงทั้งหลายเชื่อว่านางคือเทพธิดาเจ้าแห่งท้องทะเล มาปรากฏเพื่อคุ้มครองชาวเรือ ตั้งแต่นั้นมาบริเวณที่หลิงม่าขึ้นฝั่งได้รับการเรียกขานว่า "อ่าวของอาม่า" หรือ A Ma Goa ซึ่งได้เพี้ยนเสียงมาเป็น มาเก๊า ในปัจจุบันครับผม

มีมุมหนึ่งด้านขวามือด้านหน้าวัดอาม่า มีซุ้มขายของที่ระลึกพวกหยก แล้วก็เครื่องรางต่างๆครับ รวมทั้งอันที่แขวนสีแดงๆนี้ด้วย ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร คนซื้อแล้วเอามาแขวนไว้หน้าวัดครับ

เชื่่อกันว่าถ้าใครหมุนหินในปากสิงโตไปด้านขวา 3 รอบ แล้วอธิษฐานก็จะได้ทุกอย่างตามคำขอครับ อันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าหนูส้มเธอได้ทุกอย่างตามที่ขอเอาไว้หรือเปล่านะ อิๆๆ

อันนี้เป็นอีกศาลหนึ่งที่อยู่ภายในอีกชั้นหนึ่ง ไม่แน่ใจครับ มีศาลเจ้าแม่กวนอิม เจ้าแม่ทับทิม อะไรก็ไม่รู้ เยอะไปหมด เราก็ไหว้ๆ ขอพรอย่างเดียวครับ

ด้านหน้าของวัดอาม่า มองไกลๆไปอีกฝั่งหนึ่งนั่นคือส่วนของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ครับ ด้านซ้ายของภาพจะเป็นพิพิธภัณฑ์ทางทะเล แต่ยังไม่เปิดเราเลยไม่ได้เข้าไปดู แต่จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปดูครับ เพราะเราต้องรีบกลับไปเช็คเอาท์ที่โรงแรม Golden Crown China Hotel ครับผม

ชมวัดอาม่าเสร็จแล้วก็นึกคึกอยากลองนั่งรถเมล์สาธารณะที่มาเก๊าครับ เดินออกมาข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามวัดแล้วก็รอรถเมล์ครับ หลายสายมาก อ่านข้างๆให้ทันนะครับว่าผ่านเเซนาโดสแควร์หรือเปล่า หรือถามคนขับเอาก็ได้ ค่าโดยสารคนละ 3.2 MOP เตรียมไปให้พอดีนะครับ ไม่มีทอน หยอดที่ตู้ด้านข้างคนขับครับ จ่ายเป็นเงินฮ่องกงก็ได้ครับ

นั่งมาแป๊บเดียวจากถนนหน้าวัดอาม่า รถก็จะเลี้ยวขวาเข้าถนนอีกเส้นหนึ่ง นั่งไปเรื่อยๆสัก 2 นาทีก็จะเห็นเซนาโดสแควร์ด้านซ้ายมือครับ แต่เราไม่แน่ใจเลยไม่ได้กดกริ่งขอลง รถก็พาเราเลยไปอีกป้ายหนึ่ง เลยต้องเดินย้อนกลับ แต่ไม่ไกลครับ ทีนี้ก็เดินหาทางไปซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลกันครับ มีทางบอกเรื่อยๆทุกแยกถนนเลยครับไม่หลงแน่นอน มีร้านขายของกิน ของที่ระลึก รวมทั้งทาร์ตไข่ เยอะมากครับ

ถึงแล้วครับ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Paul's Church) คนเยอะมากๆ โบสถ์เซต์ปอลสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1602 - 1604 ประกอบไปด้วยส่วนหน้าของโบสถ์มาแตเดอี วิทยาลัยเซนต์ปอล และเมาท์ฟอร์เทรส เป็นกล่มอาคารที่สร้างขึ้นโดยพวกเยซูอิต มีลักษณะเป็นอะโครโปลิสของมาเก๊า ถูกไฟไหม้ทำลายในปี ค.ศ. 1835 การขุดค้นทางโบราณคดี ของซากปรักหักพังแห่งวิทยาลัยเซนต์ปอลคือร่องรอยหลักฐานมหาวิทยาลัยแบบตะวัน ตกแห่งแรกของตะวันออกไกล ปัจจุบันยังคงเหลือซุ้มประตูด้านหน้าเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์ของมาเก๊าครับผม

ด้านหลังที่ผมยืนอยู่นี้เป็น จัตุรัสมีชื่อเรียกว่า คอมปานีออฟจีซัส (Company of Jesus Square) มีสิ่งที่น่าสนใจคือ รูปปั้นทองสำริดหญิงสาวกำลังส่งดอกบัวให้กับชายหนุ่ม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความปรารถนาดีระหว่างโปรตุเกสและประเทศจีน ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงที่โปรตุเกสส่งมอบคืนมาเก๊าสู่แผ่นดินจีนครับ

ขึ้นไปข้างบนซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลกันเลยนะครับ ที่จริงก็ไม่มีอะไรครับ ข้างหลังก็เป็นพื้นที่โล่งๆ แต่เราสามารถเดินขึ้นบันไดไปชมวิวข้างบนได้ครับ (บันไดอยู่ด้านหลังครับ) แต่เวลาเราขึ้นไป พื้นที่เรายืนอยู่จะมองเห็นข้างล่างครับ ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนเป็นโรคกลัวความสูงครับ น่ากลัวเหมือนกัน

ภาพนี้เป็นวิวที่เราขึ้นไปถ่ายที่ช่องหน้าต่างบนซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลนะครับ มองเห็นโรงแรม Grand Lisboa ด้วยครับ
เดินออกมาจะหาห้องน้ำครับ ปวดฉี่ มองย้อนกลับไปเห็นซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลอย่างมุมนี้ก็สวยไปอีกแบบครับ ห้องน้ำจะอยู่ด้านขวามือของรูปบนนี้นะครับ (ถ้าหันหลังให้ซากประตูโบสถ์ เดินลงมาตามทางเดินนี้ ห้องน้ำจะอยู่ด้านซ้ายมือของเราครับ)

ถึงแล้วครับ ห้องน้ำ ไม่สะอาดเท่าไหร่ แต่ก็ปลดทุกข์ได้อย่างดียิ่งครับ

ด้านหลังผมนี้ คือโบสถ์เซนต์ โดมินิค (St. Dominic's Church) สร้างขึ้นโดยบาทหลวงนิกายดอมินิกัน ชาวสเปน 3 ท่าน ที่อพยพมาจาก อะคาปุลโกประเทศเม็กซิโก ในปี ค.ศ.1587 นับเป็นโบสถ์เก่าแก่ในยุคแรกๆในประเทศจีน เดิมใช้แผ่นไม้กระดานในการก่อสร้าง ก่อนจะปรับปรุงให้เป็นอาคารคอนกรีตในรูปแบบสถาปัตยกรรมบารอคโคโลเนียล ในละแวกเดียวกันนี้ก็มีโบสถ์อีกหลายแห่ง แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายเยอะ มัวแต่เดินถ่ายรูปอย่างอื่น

พื้นทางเดินลายรูปคลื่น ดูแปลกตาสวยดีครับ

แถมอีกรูป สวยงามมากครับ ชอบมาก ถ้าคนน้อยกว่านี้ก็คงจะดีครับ แต่คนมาเที่ยวที่นี่เยอะเหลือเกินครับ

เดินย้อนกลับมาทางเข้าด้านหน้าครับ มีน้ำพุตรงนี้ให้ถ่ายรูปด้วยครับ เสร็จแล้วก็ต้องรีบวิ่งไปขึ้นแท็กซี่กลับโรงแรม Golden Crown China Hotel เพื่อไปเช็คเอาท์ให้ทันก่อน 12:00 น.ครับ

หลังจากนั้นก็จะขึ้นเครื่องกลับบ้านนะครับ ไฟลท์ แอร์เอเชีย ออกตอน 14:10 FD3603 ครับ ที่จริงมีไฟลท์หลังจากนี้อีก FD3605 ออกจากมาเก๊าตอน 18:55 แล้วก็ FD3607 ออกตอน 22:25 น.ครับ แต่ตอนที่จองไฟลท์นี้ถูกกว่าเลยเอาไฟลท์นี้ครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น