Visit Macau & Hong Kong

Visit Macau & Hong Kong
บล็อกรีวิวนำเที่ยวมาเก๊า และ ฮ่องกง การเดินทางระหว่างมาเก๊าและฮ่องกง

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แนะนำคนเขียนบล็อกและการเดินทางจากกรุงเทพฯสู่มาเก๊าครับ


สวัสดีครับผม Rott ครับ เพิ่งได้มีโอกาสไปเที่ยวฮ่องกงและมาเก๊าครั้งแรกในชีวิตครับ ทริปนี้เราใช้เวลาแค่ 4 วันมหาโหดครับ คือแบบว่าลางานไปได้ไม่กี่วันต้องรีบกลับมาทำงานครับ สมาชิกทั้งทริปรวม 6 คนครับ ยังไม่บอกว่าผมคือคนไหน เดี๋ยวจะเห็นเองครับเพราะรูปผมเยอะที่สุดครับ อิๆๆ ก่อนไปก็ต้องจองตั๋วเครื่องบินก่อนครับ ลงที่มาเก๊าทั้งไปและกลับเพราะราคาจะถูกกว่าลงที่ฮ่องกงเยอะมากครับ คอยดูตอนแอร์เอเชียร์มีโปรโมชั่นนะครับอย่าได้พลาดโอกาสทองครับ ทริปนี้ค่าตั๋วแอร์เอเชียลงมาเก๊าไปกลับเราจ่ายไปคนละประมาณ 3400 บาทเท่านั้นเองครับ จองไว้ประมาณ 1 ปีครับ นานทีเดียวแต่ถ้าได้ถูกขนาดนี้รับรองคุ้มครับผม พร้อมผจญภัยไปกับพวกเรายังครับ พร้อมแล้วออกเดินทางครับ พวกเราเดินทางด้วยเที่ยวบิน FD3600 ครับ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตอน 6 โมง 35 ตอนเช้ามืด ออกจากบ้านมาตั้งแต่ตี 4 ครับ ถึงสนามบินนานาชาติที่มาเก๊า ตอน 10:35 ตามเวลาท้องถิ่นที่มาเก๊าครับ

โรงแรมที่ฮ่องกงพวกเราพักกันที่ USA Hostel ย่าน Tsim Sha Tsui ครับ ส่วนที่มาเก๊าพักที่ Golden Crown China Hotel ครับอยู่ตรงข้ามสนามบินมาเก๊าเลยครับ จากสนามบินมาเก๊าเดินขึ้นชั้น 2 ข้ามถนนก็ถึงโรงแรมนี้เลยครับ โรงแรมทั้งหมดจองกับอโกด้าครับ จองห้องที่ราคาถูกที่สุดแล้วครับเพราะตั้งใจจะใช้เป็นที่เก็บของและซุกหัวนอน ส่วนกลางวันจะออกไปเที่ยวครับ โรงแรม Golden Crown China Hotel มีอาหารเช้าให้ด้วยครับ ดีมากเลย แต่ที่ ฮ่องกง USA Hostel ไม่มีอาหารเช้าให้ครับ แต่ทั้ง 2 ที่มีสัญญาณฟรี Wifi ให้ใช้ในห้องครับ ลืมบอกไปครับถ้าใครยังไม่มีบัตรเครดิต และอยากลองสมัครบัตรเครดิตก็คลิกที่ลิงค์นี้นะครับ พอเข้าไปแล้วก็เลือกหัวข้อบัตรเครดิต แล้วก็เลือกบัตรเครดิตร่วมแอร์เอเชีย-กสิกรไทย ผมว่าอนุมัติง่ายดี เพราะผมก็ได้บัตรนี้มาครับ

นั่งรถบัสฟรี เที่ยวเดอะเวเนเชี่ยน

เมื่อเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติมาเก๊าแล้วก็ผ่าน ตม. ออกมาด้านนอกครับ สำหรับท่านที่ต้องการเดินทางไปฮ่องกงเลยก็จะต้องเดินออกจากด้านหน้าสนามบินไปทางด้านขวามือ เดินออกไปประมาณ 15 นาทีครับไกลเหมือนกัน แต่จากสนามบินจะมองเห็นท่าเรือของ Cotai Jet ครับ เป็นเรือข้ามฟากไปฮ่องกงอยู่ติดกับสนามบินมาเก๊าเลยครับ แต่สำหรับกรุ๊ปเรา ต้องการไปชมเดอะเวเนเชี่ยนก่อนครับ ออกมาด้านขวาของสนามบินเหมือนกันครับ จะเจอรถของพวกคาสิโนต่างๆรวมทั้งของเดอะเวเนเชียนคันสีน้ำเงินนะครับ จอดรอเราอยู่ ก็ขึ้นรถเดอะเวเนเชียนฟรีครับไม่ต้องเสียตังค์ นั่งรถออกมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงเดอะเวเนเชียนแล้วครับ (ตรงนี้ขอโน้ตไว้นิดหนึ่งครับ รถบัสฟรีของเดอะเวเนเชี่ยนถ้ามาจากสนามบิน เขาจะแวะจอดส่งเราที่ด้านหน้าของเดอะเวเนเชี่ยนครับ ถ้าเราจะไปที่อื่นต่อหลังจากชมเวเนเชี่ยนเสร็จแล้วก็จะต้องเดินฝ่าคาสิโนไปด้านหลังตรง Hotel West Lobby ครับ หาป้าย West Lobby จะมีป้ายบอกเป็นระยะๆ พอถึงแล้วก็เดินออกไปด้านหลัง West Lobby ก็จะเจอรถบัสฟรีของเดอะเวเนเชี่ยนอีกหลายสายมากครับ)

พอถึงเดอะเวเนเชี่ยนเราก็ขึ้นไปชั้น 3 ครับ จะไปถ่ายรูป ทริปนี้หลวงไข่เป็นไกด์ให้ครับเพราะเคยมาแล้ว (อ่านบล็อกเที่ยวอินโดนีเซียของหลวงไข่ได้ที่ http://bromo-borobudur.blogspot.com/)

ทุกอย่างประดับประดาเหมือนเมืองเวนิสจริงๆ ทั้งท้องฟ้าทั้งบรรยากาศครับ

อันนี้เป็นประมาณว่าลำคลองในเวนิสครับ จะขึ้นเรือดอนโดล่าก็ได้ครับ คนพายเรือกอนโดล่าเขาร้องโอเปร่าให้ฟังด้วยครับ แต่แพงไม่มีใครขึ้นครับ กะว่าจะเอาตังค์ไว้ช้อปปิ้งดีกว่าครับ แค่ขึ้นมาถ่ายรูปเล่นๆ

แถมอีก 1 รูปครับ มีอาหารขายด้วยครับ บนนี้โรงอาหารใหญ่เชียว ค่าอาหารก็ไม่แพงมากครับในสถานที่แบบนี้ ตกคนละประมาณ เกือบๆ 200 บาท มีแบบกับข้าวด้วยจืดๆ เหมือนหมูผัด ผัดผักอะไรประมาณนี้ครับแล้วแต่เราจะเลือก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บมาให้ครับ ซอรี่ๆๆๆ จริงๆครับ


เที่ยวถ่ายรูปข้างในพอควรแก่เวลาก็ลงมาชั้นล่างเหมือนเดิมครับ เดินหาป้ายบอกทางไป Hotel West Lobby ครับ ออกมาด้านนอกก็เจอรถเดอะเวเนเชี่ยนหลายสายมากครับ พวกเราจะเดินทางไปฮ่องกงต่อก็ขึ้นสายที่ไป Macau - Hong Kong Ferry Pier ครับ รอประมาณ 15 นาทีคนเต็มคันรถเลย รถจะพาเราข้ามสะพานไปอีกฟากหนึ่งเรียกว่าเป็นฝั่งมาเก๊าครับ ใช้เวลาประมาณ ไม่ถึง 10 นาทีครับ (เดอะเวเนเชี่ยนอยู่ฝั่งไทปาครับ)

การเดินทางจากมาเก๊าสู่ฮ่องกง

หลังจากที่เราเดินออกมาด้านหลังของ Hotel West Lobby ของเดอะเวเนเชี่ยน ก็จะเจอรถบัสฟรีของเดอะเวเนเชี่ยนหลายสายมาก ให้เราขึ้นสาย Macau-Hong Kong Ferry Pier รอรถออกประมาณ 15 นาที รถจะพาเราข้ามฝั่งจากฝั่งไทปา ไปยังฝั่งมาเก๊า ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึงท่าเรือครับ รถจอดให้เราลง เวลาเดินไปที่ท่าเรือจะต้องเดินลอดอุโมงค์ฝั่งที่รถจอดไปอีกฝากหนึ่งของถนนครับ ตอนแรกจะข้ามถนนแต่ไม่มีทางข้าม ต้องหาอุโมงค์นะครับ
ข้ามฝั่งถนนไปยังท่าเรือแล้วก็ขึ้นไปชั้น 2 ครับ มีป้ายบอกว่า Departure แล้วก็ไปหาซื้อตั๋ว เราซื้อตั๋วของ เรือ Turbo Jet วันธรรมดา 141 ดอลลาร์ฮ่องกงครับ ประมาณ 564 บาท เป็น Economy Class นะครับ ถ้าเฟิร์สคลาสแพงกว่านี้เยอะ เก็บตังค์ไว้ช้อปปิ้งดีกว่าครับ (ถ้าเป็นวันหยุดราคาตั๋วชั้นประหยัดจะเพิ่มขึ้นเป็น 154 ดอลลร์ฮ่องกงครับ)
ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็ผ่านด่าน ตม. อีกแล้วครับเพื่อที่จะเข้ามาในเกท เหมือนขึ้นเครื่องบินเลย ก่อนเข้ามาข้างในเจ้าหน้าที่จะเอาตั๋วเราไปติดสติ๊กเกอร์เพื่อระบุหมายเลขที่นั่งครับ

เรือของ Turbo Jet จะออกทุกๆชั่วโมงครับ ระบุเวลาในตั๋วชัดเจน อย่าพลาดนะครับ เวลาซื้อตั๋วเสร็จแล้วอย่าชักช้าเพราะต้องผ่านตม.ด้วย ในรูปจะเป็นเรือ Turbo Jet ลำที่จะพาเราไปฮ่องกงครับ
ถ้าหิวก็สั่งมาม่ากินได้ครับ มีบริการบนเรือด้วย ชามละประมาณ 100 บาท หนูส้มกำลังกินมาม่าลวกอย่างเอร็ดอร่อย หารู้ไม่ว่าโดนแอบถ่าย ทำปากจู๋ด้วยแสดงว่าน้ำร้อนมาก อิๆๆๆ นั่งเรือประมาณ 70 นาทีก็ถึงฝั่งฮ่องกงครับผม

เดินทางจากท่าเรือที่ฮ่องกงไปโรงแรมที่พัก USA Hostel ย่าน Tsim Sha Tsui

เมื่อมาถึงฮ่องกงแล้วก็ต้องผ่าน ตม.อีกครั้งครับ หลังจากนั้นก็ออกจากอาคารขาเข้าเสร็จก็เดินหาทางที่จะไปรถไฟใต้ดิน MTR ครับ หาชั้นล่างๆนะครับ มันอยู่ใต้ดินของห้าง Shun Tak ซึ่งต่อเชื่อมกับอาคารขาเข้าของท่าเรือ ป้ายไม่มีบอกเลยต้องถามคนเป็นระยะๆว่า MTR ไปทางไหน พอถึงสถานีรถไฟใต้ดิน MTR แล้วก็ให้ซื้อบัตร Octopus นะครับ บัตรเดียว สามารถใช้ร่วมกันได้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น MTR, รถบัส, เรือสตาร์เฟอรี่ข้ามฟากระหว่างฝั่งฮ่องกงกับฝั่งเกาลูน หรือแม้แต่ซื้อของในเซเว่นอีเลฟเว่นก็ยังได้ครับ ซื้อครั้งแรก 150 HK$ แต่จะใช้ได้จริงเพียง 100 HK$ ที่เหลือ 50HK$ เป็นค่ามัดจำ และจะคืนให้ตอนไป Refund เงินคืน แต่จะโดนหักไป 7HK$ ถ้าคืนก่อน 3 เดือนหลังจากซื้อบัตร (ยังไงก็โดนหักอยู่ดี ใครจะไปอยู่ตั้งสามเดือน ยกเว้นว่าไปเที่ยวใหม่อีกรอบครับ 555+++) ได้บัตรมาแล้วก็เข้าไปในสถานีเลยครับ

MTR สายที่เรานั่งนี้จะเป็นสายสีน้ำเงิน สถานีที่เราขึ้นเป็นต้นสายครับคือสถานี Sheung Wan นั่งไปแค่สถานีเดียวแล้วลงที่สถานี่ถัดไปที่สถานี Central เพื่อไปต่อสายสีแดงครับ (หรือจะลงสถานีถัดไปอีกก็ได้ที่ Admieralty ซึ่งสามารถต่อสายสีแดงได้เช่นเดียวกันครับ) พอต่อสายสีแดงแล้วก็ให้ลงที่สถานี Tsim Sha Tsui นะครับ เดินออกประตู D1 ออกมาก็จะเห็นด้านของของตึก Mirador Mansion อยู่ด้านซ้ายมือของทางออก ด้านหน้าจะเห็นถนน Nathan ให้เลี้ยวซ้ายตรงมุมตึกนี้ ก็จะเป็นทางเข้าตึกตามรูปด้านบนครับ ให้เดินไปขึ้นลิฟท์ ไปชั้น 13 ครับ โรงเแรม เราจองไว้กับอโกด้าชื่อ USA Hotel ครับ สาเหตุที่เลือกโรงแรมนี้เพราะราคาถูกที่สุดครับ เพราะใช้แค่เก็บของกับซุกหัวนอน เราจ้องห้องทริปเปิ้ลครับ นอนห้องละ 3 คน มีเตียง 2 ชั้น 1 เตียงและอีกเตียงอยู่ด้านซ้ายดังในรูปครับ

แต่บรรยากาศของทางขึ้นที่นี่ีถ้าคนไม่คุ้นเคยก็อาจจะกลัวได้ครับเพราะเป็นพื้นที่ที่พวกอาหรับ แขกอินเดีย เปิดร้านค้าข้างล่างเต็มไปหมด แต่ด้านบนจะเป็นที่อยู่อาศัยของคนฮ่องกงกับบางส่วนที่ดัดแปลงเป็นโรงแรมครับ ลิฟท์รอค่อนข้างนานกว่าจะได้ขึ้นเพราะคนเยอะมากครับ โดยภาพรวมถือว่าโอเค สมราคาคืนละพันกว่าบาทนิดๆ มี Wi Fi ให้ใช้ฟรีในห้องด้วย ตอนเช็คอินเขาจะบอกพาสเวิร์ดเราครับ (เวลาเช็คอิน กฎของโรงแรมนี้ต้องมี Deposite เป็นเงินสด 300 HK$ ต่อห้อง หรือให้บัตรเครดิตเขาก็ได้ครับ และเขาจะคืนเราตอน Check-out บัตรเครดิตก็จะเปิด Authorize ไว้ 300 HK$ ต่อห้องเช่นเดียวกันครับ ไม่ได้ชาร์จอะไร) เช็คอินเสร็จก็กะว่าจะหาของกิน แต่ด้านล่างแมนชั่นนี้ไม่มีของกินเลย เดินข้ามถนน Nathan ไปฝั่งตรงข้ามเจอแมคโดนอล กินรองท้องไปก่อนครับ แล้วก็ค่อยออกเดินทางเที่ยว จุดหมายของเราคือวัดเจ้าแม่กวนอิมที่รีพัลส์เบย์ฝั่งฮ่องกงครับ เอาใจสาวๆในทริปไปขอพรเจ้าแม่กวนอิมให้เจอเนื้อคู่ครับ อิๆๆๆ

เที่ยววัดเจ้าแม่กวนอิมที่รีพัลส์เบย์ ชมอเวนิวออฟสตาร์และแสงสีของ Symphony of Light

หลังจากทานแมคโดนอลเสร็จแล้วก็เดินข้ามถนนกลับมาขึ้น MTR ที่ข้างที่พักอีกทีครับ ลงสถานี Central ครับ หาทางออกไปทาง Exchange Square Bus Terminus
ภาพนี้ถ่ายบนสะพานลอยครับ เพราะเราออกมาจาก MTR ข้ามสะพานลอยนี้ไปอีกฟากที่เราเห็นเป็นทางเดินด้านหลังครับแล้วก็หาทางลงไปข้างล่างจะเจอ ต้นสายของรถเมล์ที่จะไปเจ้าแม่กวนอิมครับ
รถเมล์สายที่ไปเจ้าแม่กวนอิมได้จาก Exchange Square Bus Terminus ก็จะมีสาย 6, 6A, 6X, 66, 220 ครับ คันที่เรานั่งนี้คือ 6A ครับ ขึ้นไปนั่งชั้น 2 เลยครับจะได้เห็นวิวรหว่างทาง

วิวระหว่างทางครับ ตอนที่เราไปฝนเริ่มตกครับ เสียอารมณ์จริงๆเลย เมฆก้อนใหญ่ดำทมึนอยู่เบื้องหน้าทิศทางที่เราไปครับ แต่วิวข้างทางก็สวยครับ เห็นตึกรามบ้านช่องสูงๆน่ากลวถล่มจังเลย แต่เขาคงสร้างอย่างแข็งแรงล่ะครับ
นั่งรถบัสนี้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะเห็นตึกที่มีรูตรงกลาง อยู่ฝั่งซ้ายมือแล้วลงที่ป้ายนั้นเลยครับ แต่ไม่ได้ถ่ายตึกเอาไว้ งั้นก็ดูบล็อกก่อนของเพื่อนผมละกันครับ ตึกที่มีรูตรงกลาง ตามลิงค์นี้เลยครับ
ลงจากรถบัสก็เดินข้ามถนนมาฝั่งชายหาดนะครับ ไม่มีคนเล่นน้ำเลยเพราะมืดฝนมากเลย เดินไปสักพักฝนก็กระหน่ำลงมาเหมือนแกล้ง
ไม่อยากเปียกเลยไปซื้อร่มกันคนละคันที่เซเว่นแถวๆนั้น ร่มคันละ 49.90 HK$ ครับ ประมาณ 200 บาท มาเจอตอนหลังที่เจ้าแม่กวนอิมมีคนเดินเอาร่มมาขายด้วย 10 HK$ เองครับ ของเซเว่นแพงกว่าเยอะมาก
เอาร่มลงก่อนจะได้เห็นหมอกตอนฝนหยุด อย่าเพิ่งหมั่นไส้นะครับถ้าเห็นรูปผมเยอะ เพราะวิวโดดๆ ไม่ค่อยได้ถ่ายครับ ตากล้องเน้นแต่ถ่ายคนอย่างเดียวเลย อิๆๆ
ถึงแล้วครับเจ้าแม่กวนอิมแห่งรีพัลส์เบย์ เดินซะไกลจนสมาชิกบางคนในกลุ่มเริ่มบ่นว่าเหนื่อยครับ
กำลังขอพรครับ ยังหันหน้ามามองกล้องอีกนะคนเรา อธิษฐานว่าอย่างไร ไม่บอกครับ เป็นความลับ

ถัดมาอีกนิดก็จะเป็นสะพานต่ออายุครับ
กำลังเดินข้ามสะพานต่ออายุครับ ขึ้นแล้วต้องลงอ้อมไปด้านล่างนะครับอย่าเดินย้อนกลับบนสะพาน เพราะเชื่อว่าอายุจะลดลงครับ

อีกมุมครับ บริเวณสะพานต่ออายุ
แถมอีกรูปครับ
แถมอีกรูปครับ หนูส้ม เดี๋ยวใส่รูปผมคนเดียว ผู้อ่านบางท่านอาจจะหมั่นไส้เอาได้ วิวสวยมั้ย ? แล้วนางแบบล่ะ :-) ?
พอหอมปากหอมคอก็กลับครับ นั่งรถสายเดิมกลับ ที่ Exchange Square Bus Terminus แล้วก็นั่ง MTR กลับไปฝั่งเกาลูน ลงสถานี Tsim Sha Tsui ครับ จะไปชม Symphony Of Life ครับ แค่นี้ก็ลิ้นห้อยกันแล้วนางแบบเราจะไหวมั้ยเนี่ย ก่อนมาเที่ยวขอบอกว่าควรฟิตร่างกายให้ชินกับการเดินเยอะๆนะครับ เพราะว่าเดินเยอะจริงๆ
แสงสีของตึกยามค่ำคืนฝั่งเกาลูน บนถนน Salisbury ตรงข้ามกับ HK Space Museum และห้าง SOGO ครับ
เดิมอ้อมมาแถวๆ HK Space Museum ก็จะทะลุมายัง Avenue of Stars ได้ครับ จะเห็นสัญลักษญ์ที่โดดเด่นของที่นี่คือตุ๊กตาทองฮ่องกง (Hong Kong Film Award)

เวลา 2 ทุ่มตรงจะมีการแสดง Symphony of Light ตึกทั้งฝั่งเกาลูนและฝั่งฮ่องกงจะเปิดไฟแสงสี มีคำบรรยายแนะนำตึกโน้นตึกนี้ พอบรรยายแนะนำตึกไหนตึกนั้นก็จะมีแสงไฟกระพริบครับ แต่ฝนก็ลงมาหนักอีกแล้ว ถ่ายมาคนนี้ได้รูปดีที่สุดครับ เธอคือซาร่าครับ
การแสดง Symphony of Light ใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาที แต่ตึกต่างๆก็ยังเปิดไฟอยู่ครับ สามารถถ่ายรูปได้ เสร็จแล้วเราก็เดินไปถ่ายรูปกับหอนาฬิกาสัญลักษณ์ของฮ่องกงฝั่งเกาลูนครับ เมื่อก่อนสถานที่นี่คือสถานีรถไฟ KCR (Kowloon Canton Railways ) สถานีเกาลูน ครับ ปัจจุบันสถานีย้ายไปที่ Hung Hom ไม่ไกลจากบริเวณนี้เท่าไหร่ครับ เสร็จแล้วก็หาของกินแล้วก็กลับไปโรงแรมพักผ่อนเอาแรงครับ ราตรีสวัสดิ์

เที่ยวเดอะพีค แวะชมหุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่

วันรุ่งขึ้นพวกเรามีแพลนว่าจะไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์กันแต่เช้า แต่เมื่อวานฝนตกเลยไม่ได้เก็บเดออะพีคตามที่ตั้งใจไว้ ก็เลยต้องไปเดอะพีคก่อนครับ ออกจากโรงแรม USA Hostel นั่ง MTR จากสถานี Tsim Sha Tsui ไปลงสถานี Central เดินออกประตู K หรือ J2 เดินไปตามถนน Garden Road จนถึงสถานี Peak Tram ครับ (หรือลงสถานี MTR Admiralty ก็ได้ครับ ออกประตู B เดินไปตามถนน Cotton Tree Drive) เดินประมาณ 5-10 นาทีก่็จะถึงสถานี Lower Peak Tram Terminus ครับ แล้วก็จะเห็นที่ซื้อตั๋ว มีให้เลือกแบบแพกเกจ หรือแค่ค่าขึ้น Peak Tram ครับ ถ้าเป็นแพคเกจราคาจะเป็น 210HK$ ครับ รวมค่าขึ้นลง Peak Tram หุ่นขึ้ผึ้งมาดามทุสโซ่ ค่าขึ้นดาดฟ้าที่เรียกว่า Sky Terrace ครับผม

ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็มาเข้าคิวเพื่อรอรถรางที่จะพาเราขึ้นไปยังเดอะพีคครับ ตอนที่พวกเราไปเป็นเวลาตอนเช้าอยู่จึงไม่มีคนเยอะมาก ไม่ต้องแย่งกันหาที่นั่ง รถรางใช้เวลานานประมาณ 3 นามีก็พาเราขึ้นมายังเดอะพีคครับ
ประเดิมด้วยภาพหนูส้มแกล้งทำท่าตกบันได มีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินมาทีหลัง เขาตกใจกันใหญ่ว่าหนูส้มตกบันไดจริงๆ เอารูปตกบันไดออกไปแล้ว เหลือไว้แต่รูปอันเซ็กซี่ของเธอครับ อิๆๆ
ถ่ายกับดาราฮ่องคน คนนี้ผมไม่รู้จัก ชื่ออะไรไม่รู้ ใครรู้บอกหน่อยครับมีรางวัล
คนนี้ผมรู้จักครับ Nicole Kidman
ตั้งใจแต่งชุดมาสีเดียวกันเลย คุยกับหุ่นก็ได้ด้วยคนอะไรเนี่ย
พี่หลิวครับ พี่หลิว
ลุงเอ๊ดดี้ เมอร์ฟี่ครับ
กัวฟู่เฉิง
ชื่ออะไรนะคนนี้ลืมแล้ว
แถมพี่หลิวให้อีกรูปละกันครับ
คนนี้หมาป่าในเรื่องแวมไพร์ทไวไลท์ใช่มั้ย
พี่เจ็ท ลี ครับ แว่นผมเองแหละที่ใส่ให้พี่เขา ปกติเขาไม่ได้มีแว่นนะครับ
ราชวงศ์อังกฤษและนางข้าทาสครับ 555+++ เหมือนมั้ย
ฮิตเลอร์ครับ
ช่วยด้วยค่ะ หนูตกจักรยาน .... ?!? พี่หลีหมิงแกล้งค่ะ....
ศูนย์ ศูนย์ เจ็ด ครับ
ถ้าไม่มีคน หุ่นนี้น่าจะโดนข่มขืน 555 อ่ะ..ล้อเล่ง...
คนนี้ชอบมากครับ โคตรเหมือนตัวจริงเลยครับ แจ๊คสแปร์โร
คิๆๆๆ จะบรรยาว่าอย่างไรดีล่ะเนี่ย เหนือคำบรรยาย
เหมือนมั้ยครับ ทำให้ฟันเหยินๆเข้าไว้
สูงมาก ๆ ผมเตี้ยไปเลย คนนี้ นักบาส ชื่ออะไรแล้วนะ ลืมอีกแล้ว
ที่จริงมันจะมีคล้ายๆ บ้านผีสิงด้วยในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ่ แต่เห็นป้ายบอกเปิดตอนบ่าย 2 เรามาตอนเช้าเขาเลยไม่เปิด จะรอถึงบ่าย 2 ก็ใช่เรื่องเพราะต้องไปเที่ยววัดพระใหญ่โป๋หลินต่อครับ อดฟังเสียงกรี๊ดของสาวๆเลย ออกมาจากพิพิธภัณฑ์เราต้องเดินขึ้นไปชั้นบนๆอีกครับ เพราะจะชมวิวบน Sky Terrace
ถ้าไม่จ่ายรวมในแพคเกจ จะต้องจ่ายคนละ 20 HK$ เพื่อจะได้ขึ้นมาชมวิวบนสกายเทอเรส นี้นะครับ วันนี้โชคดีมาก ขนาดฝนตกตอนเช้ามืดมาก พอฝนตกหมอกหายไปหมดเลย เหลือแต่ทิวทัศน์สวยๆให้พวกเราถ่ายรูป แต่กล้องดันหมดถ่าน อะไรจะซวยปานนั้น ก็เลยถ่ายกับ Samsung Galaxy ครับ
เพราะเราหัวใจเดียวกัน 555 :-)
หัวใจสีม่วงแต่อย่าเข้าใจผมผิดนะ ไม่ใช่นะ ๆ
หลวงไข่บอกว่ามาทีไรไม่เคยเห็นวิวนี้เลย วันนี้ท้องฟ้าปลอกโปร่งมองเห็นวิวอีกด้านชัดเจนสวยมากครับ
ชมวิวพอหอมปากหอมคอก็ลงมาชั้นล่างอีกครับ เพื่อจะขึ้นรถรางลงไปข้างล่าง
จุดหมายของเราจะเดินกลับไปยังสถานีรถไฟ MTR Central ครับ แต่สถานีนี้มี MTR เชื่อมกัน 4 สายเลย เดินกันไกลมาก ต้องหาป้าย Tung Chung Line สายสีส้มเพื่อจะไปขึ้นกระเช้าหนงปิง ไปวัดพระใหญ่โป๋หลินครับ ขึ้นสถานีแรก ลงสถานีสุดท้ายเลยครับ
ผมชอบตึกรามบ้านช่องที่ฮ่องกงนะครับ ดูแล้วมันตระการตาใหญ่ แปลกตา แล้วก็สวยด้วยครับ ที่สำคัญคือเมืองเขาสะอาดมากครับ ชอบๆ
ภาพตึกแถวๆที่เราเดินไปสถานี MTR สถานี Central ครับ
อ้าวหลวงไข่มาด้วยเหรอทริปนี้ จัดให้พี่เขาซะหน่อย เดี๋ยวจะน้อยใจไม่มีรุปลงบล็อกนะจ๊ะ
ภายในขบวนรถ MTR สายสีส้้ม ช่วงต้นสถานีจะไม่มีคนพลุกพล่านเหมือนสถานีช่วงกลางๆ คนแน่นไปหมดอย่างกับมด และเป็นครั้งแรกที่ใช้บริการ MTR แล้วได้นั่งไม่ต้องยืน พอได้บรรเท่าเมื่อยไปอีกหลายนาที ขอย้ำอีกทีนะครับว่าใครมาเที่ยวเองเหมือนพวกเราอย่างนี้อย่าลืมฟิตร่างกายนะครับ เพราะว่ามันเมื่อย เหนื่อย เพลีย เพราะคุณจะต้องเดินทั้งวันจริงๆครับ ไม่ได้โม้